อบต.ท่าลาด อ.เรณูนคร จ.นครพนม
อินเตอร์เนทตำบล มีจริง หรือ แค่มีป้ายโชว์
บรรยากาศที่นี่ไม่ค่อยเป็นมิตร ผู้คนก็ดุและขี้ระแวงตั้งแต่นายกฯลงมาถึงลูกน้อง
นายอำเภอเรณูนคร ครับ ถ้าว่างๆก็ลองแวะมาดูที่นี่ซักหน่อยซิ
ว่าที่ อบต.ท่าลาดนี่ เขามีปมลับอะไรต้องระวาดระแวง
ooooooooooooooooooooooooooooooooo
ที่ทำการของ " กลุ่มจักสานด้วยกกตำบลท่าลาด "
ผลิตภัณฑ์ที่สะดุดตาที่สุด ก็คงเป็น " หมวก " ที่เก๋ทันสมัย
ผลิตภัณฑ์ที่นี่ประณีตสวยงาม ราคาก็พอดีๆน่าซื้อมาก
กระติ๊บข้าวเหนียวทรงนี้น่าสนใจที่สุด ผลผลิตจากต้นไหล
คุณอะนงรัก เพ็งเวลุน รองประธานกลุ่มจักสานด้วยกกตำบลท่าลาด
คุณนฤมล สุนิกร ฝ่ายปฏิคมของกลุ่มจักสานด้วยกกตำบลท่าลาด
ต้นไหล ปลูกง่าย แค่ตัดยอดไปปักชำ พอรากโผล่ก็นำไปลงดินปลูกต่อได้
น่าที่จะได้รับการส่งเสริมให้ปลูกมากๆ เผื่อจะได้เป็น " พืชเศรษฐกิจใหม่ "
ใครผ่านมาทางเรณูนคร อย่าลืมมาแวะชมสินค้าของชาวท่าลาด ด้วยนะครับ
โรงเรียนบ้านท่าลาด อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
วัดราษฏร์สวัสดิ์
16 หมู่ 1 ตำบลท่าลาด อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
ศาลาการเปรียญนี้สวยคลาสสิคมาก
ไม่เข้าใจว่า " ใบเสมาทอง " กับ " บาตรดำคว่ำ " มีความหมายอย่างไร
วัดราษฏร์สวัสดิ์ ตำบลท่าลาด อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
คำว่า คว่ำบาตร นั้น มีที่มาจากการที่พระสงฆ์ลงโทษบุคคลผู้มีปรารถนาร้ายต่อพระรัตนตรัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีความผิดอยู่ 8 ประการ[1][2] คือ
ตอบลบ1.ขวนขวายเพื่อมิใช่ลาภแก่สงฆ์
2.ขวนขวายเพื่อมิใช่ประโยชน์แก่สงฆ์
3.ขวนขวายเพื่อให้พระอยู่ไม่ได้
4.ด่าว่าเปรียบเปรยภิกษุทั้งหลาย
5.ยุยงให้สงฆ์แตกกัน
6.ตำหนิติเตียนพระพุทธเจ้า
7.ตำหนิติเตียนพระธรรม
8.ตำหนิติเตียนพระสงฆ์
ฆราวาสผู้ใดมีพฤติกรรมดังกล่าว พระสงฆ์จะประชุมกันแล้วประกาศไม่ให้ภิกษุทั้งหลายคบค้าสมาคมด้วย การคว่ำบาตรในทางพระวินัยไม่ได้หมายถึงการคว่ำบาตรลง แต่หมายถึงการไม่รับบิณฑบาต ไม่รับนิมนต์ ไม่รับเครื่องใช้ อาหารหวานคาวที่บุคคลผู้นั้นนำมาถวาย[3] แต่หากต่อมาคนผู้นั้นสำนึกรู้สึกตน กลับมาประพฤติดี คณะสงฆ์ก็จะประกาศเลิก “คว่ำบาตร” ยอมให้ภิกษุทั้งหลายคบค้าสมาคมรับบิณฑบาต รับนิมนต์ รับเครื่องถวายไทยธรรมได้ เรียกว่า “หงายบาตร” เป็นสำนวนคู่กัน
ดังนั้นการคว่ำและหงายบาตรจึงถือเป็นการลงโทษทางจารีตแบบหนึ่ง[4] ที่พระสงฆ์ได้นิยมถือปฏิบัติสืบมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เพื่อประโยชน์ในการตักเตือนและความอยู่โดยปกติสุขระหว่างพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน